กรุงเทพฯ — พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณของไทยได้ทรงเรียกนางสินีนาฏ วงศ์วชิรภักดีกลับดำรงตำแหน่งพระราชสวามีของพระราชวงศ์ และทรงส่งคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์และยศทหาร ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 29 ส.ค.
ชายวัย 35 ปีรายนี้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณและแสดงความไม่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับแว่นตาในฟิลิปปินส์
ตามประกาศปี 2019 นางสาวสินีนาฏได้คัดค้านพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีสุทิดาและพยายามโน้มน้าวให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งพระนางแทน
ถ้อยแถลงที่ตีพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ระบุว่า นางสาวสินีนาฏไม่มีมลทิน ดังนั้นจึงมีสิทธิได้รับตำแหน่งมเหสีและตำแหน่งก่อนหน้าทั้งหมดของเธอในวัง
ดังนั้น การถอดยศศักดิ์ ตำแหน่งทางการในการรับราชการในกองทัพและยศทหาร และการเรียกคืนการประกาศทั้งหมดจึงไม่เคยเกิดขึ้น ถ้อยแถลงระบุ
คำสั่งมีผล 28 ส.ค.
นางสาวสินีนาฏได้หายตัวไปหลังจากถูกเหยียดหยามต่อหน้าสาธารณชนเมื่อปีที่แล้ว และไม่สามารถยืนยันที่อยู่ของเธอได้ สัปดาห์นี้ หนังสือพิมพ์ Bild รายงานว่าเธอมาถึงเยอรมนีแล้ว ซึ่งกษัตริย์ไทยใช้เวลาส่วนใหญ่ของปี
ก่อนถูกไล่ออก นางสาวสินีนาฏดำรงยศพันตรีในหน่วยคุ้มกันของกษัตริย์ โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาเป็นรองเสนาบดี
เธอผ่านการฝึกทหารและเป็นนักบินที่มีคุณสมบัติ
เธอสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบกและทำงานเป็นพยาบาลตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2555
ข่าวล่าสุด นอร่า อรรณพ แต่งงาน
หลังจากนั้นเธอก็เข้าร่วมสำนักพระราชวังทำงานในร้านหัตถกรรมของวัง
ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว พระนางได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสี
เดือนต่อมา พระราชวังได้เผยแพร่ชีวประวัติอย่างเป็นทางการของเธอและภาพถ่ายหลายภาพ โดยหนึ่งในนั้นสวมเสื้อครอปขณะขับเครื่องบินเจ็ต และอีกคนหนึ่งถือพระหัตถ์ของกษัตริย์ ภาพถ่ายที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้เกิดความโกลาหลและเว็บไซต์พระราชวังของประเทศไทยล่มสลาย
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงอภิเษกสมรสสามครั้งเมื่อครั้งทรงเป็นมกุฎราชกุมารและทรงมีพระโอรส 7 พระองค์ คือพระโอรส 5 พระองค์ และพระธิดา 2 พระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาทรงเป็นพระมเหสีองค์ที่สี่ พระราชวงศ์ไม่มีบุตร